คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวกีฬา

UFABETWIN

UFABETWIN 28-3 : การคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของ “ซูเปอร์โบวล์” เกิดขึ้นได้อย่างไร

28-3 อาจเป็นตัวเลขที่ไม่มีความหมายของใครหลายคน แต่ถ้าคุณเป็นแฟนกีฬาอเมริกันฟุตบอล โดยเฉพาะ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ และ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ นี่คือเลขที่คุณจะไม่มีวันลืม

เพราะนี่คือสกอร์ที่เกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 51 ในช่วงกลางควอเตอร์ 3 ซึ่งฟอลคอนส์นำเพเทรียตส์อยู่ 28-3 ก่อนที่ ทอม เบรดี้ และผองเพื่อน จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ด้วยการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จนกลับมาเป็นผู้ชนะ

เนื่องจากการครบรอบ 5 ปี ของเกมที่แฟนอเมริกันฟุตบอลทั่วโลกที่ดูเกมนี้จะไม่มีวันลืม จะพาทุกคนไปดูกันว่า การกลับมาสุดยิ่งใหญ่ของ เพเทรียตส์ และการลื่นล้มจนถ้วยหลุดมือครั้งใหญ่ของ ฟอลคอนส์ เกิดขึ้นได้อย่างไร

28-3 มาจากไหน ?

ก่อนที่เราจะไปดูการคัมแบ็กที่ไม่มีวันลืมของ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ เราต้องมาดูกันก่อนว่า สกอร์ 28 ต่อ 3 อันเป็นตำนานของโลกอเมริกันฟุตบอลนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ถึงจะโดนนำถึง 25 แต้ม ก่อนพลิกกลับมาได้ แต่ทีมนักรบกู้ชาติไม่ได้โดน แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ไล่ถลุงเกือบทั้งเกมขนาดนั้น หากแต่สู้ได้เป็นอย่างดีในช่วงต้นเกม

สกอร์ 0-0 หลังจบควอเตอร์แรก คือหลักฐานอย่างดีว่าในช่วงเริ่มต้นของเกมซูเปอร์โบวล์ 51 เพเทรียตส์ไม่ได้เป็นรองฟอลคอนส์แม้แต่น้อย ในควอเตอร์แรกทีมดังจากนิวอิงแลนด์ทำระยะได้ถึง 72 หลาจากการเล่นเกมบุก 12 เพลย์ เยอะกว่าฟอลคอนส์ที่ทำได้เพียง 56 หลาจากการเล่น 9 เพลย์

แม้ว่ารูปเกมช่วงแรกไม่ได้เป็นรอง แต่สิ่งที่น่ากังวลของเกมรุกเพเทรียตส์ได้แสดงออกมาเรื่อย ๆ นั่นคือความดุดันของทีมรับฟอลคอนส์ เพราะผู้เล่นเกมรับของฟอลคอนส์มาพร้อมกับความดุดันเต็มพิกัด พวกเขาวิ่งไปทั่วสนามและคอยเล่นงานผู้เล่นทีมบุกของเพเทรียตส์

ในช่วงควอเตอร์แรก ทีมรับของฟอลคอนส์ส่งสัญญาณเตือนให้กับเพเทรียตส์ ด้วยการแซ็คใส่ (ทำให้ควอเตอร์แบ็กเสียระยะหลังแนววางลูก) จน ทอม เบรดี้ ร่วงลงไปกองกับพื้นถึง 2 ครั้ง เป็นการบอกให้คู่แข่งได้รู้ว่าพวกเขาเอาจริงแค่ไหนกับความพยายามที่จะอัดผู้เล่นเกมบุกของแพตให้ลงไปกองให้ได้

สุดท้ายความพยายามของทีมรับของฟอลคอนส์ก็เห็นผลทันที หลังจากเข้าควอเตอร์ 2 ด้วยการทำให้ เลอการ์เรตต์ บลอนต์ รันนิ่งแบ็ก หรือตัววิ่งของเพเทรียตส์ทำบอลหลุดมือ (ภาษาในกีฬาอเมริกันฟุตบอลเรียกว่า ฟัมเบิล) จนได้บอลกลับมาครอบครองในที่สุด

หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเกมเปลี่ยนทันที แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ใช้เวลาเพียง 1 นาทีกับอีก 53 วินาที ทำทัชดาวน์แรกของเกมพาฟอลคอนส์ขึ้นนำ 7 ต่อ 0

ไม่ใช่แค่เกมรุกของเพเทรียตส์ที่โดนทีมรับของฟอลคอนส์เล่นงาน ในทางกลับกันทีมบุกของฟอลคอนส์ก็อัดทีมรับของเพเทรียตส์จนหมดสภาพเช่นกัน

ในฐานทีมที่ทำแต้มเยอะที่สุดของฤดูกาล 2016 ความครบเครื่องของทีมรุกฟอลคอนส์ ไม่ว่าจะเป็นเกมขว้างหรือเกมวิ่ง เล่นงานทีมรับเพเทรียตส์จนหัวหมุน เรียกได้ว่าพวกเขาตามแผนเกมบุกของฝั่งฟอลคอนส์ไม่ทันแม้แต่น้อย

แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ใช้เวลาเพียง 3 นาที กับ 42 วินาทีเท่านั้นในการทำระยะมากถึง 133 หลา และสร้าง 2 ทัชดาวน์ให้กับทีม พาฟอลคอนส์นำแพเทรียตส์ 14 ต่อ 0

หลังจากนั้นทีมรุกของเพเทรียตส์ทำพลาดอีกครั้ง เนื่องจาก ทอม เบรดี้ ขว้างบอลไปเข้ามือของผู้เล่นทีมรับฟอลคอนส์ (ภาษาอเมริกันฟุตบอลเรียกว่า อินเตอร์เซปต์)

 

ก่อนที่ โรเบิร์ต อัลฟอร์ด ชายผู้ทำอินเตอร์เซปต์มาได้ จะวิ่งย้อนเข้าไปในเอนด์โซนของทีมเพเทรียตส์ กลายเป็นทัชดาวน์ที่ 3 ของเกม พร้อมกับส่งให้ฟอลคอนส์ขึ้นนำเป็น 21 ต่อ 0

อันที่จริงการเล่นเกมบุกครั้งนี้เพเทรียตส์ทำระยะได้ถึง 52 หลา และบุกไปถึงเส้น 23 หลาของทีมฟอลคอนส์ที่ถือเป็นระยะที่สามารถมีสกอร์ติดมือได้สบาย ๆ แต่ความผิดพลาดจากการอ่านแผนเกมรับผิด ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับ ทอม เบรดี้ ส่งผลเสียมหาศาล ด้วยการเสียอีกทัชดาวน์ให้เพเทรียตส์

ในช่วงท้ายของควอเตอร์ 2 ทีมบุกของเพเทรียตส์ได้โอกาสอีกครั้ง และเป็น ทอม เบรดี้ ที่ของขึ้นจากความผิดพลาดของตัวเอง ทำระยะ 57 หลาในช่วงเวลา 1 นาที 30 วินาที พาทีมบุกของแพตได้โอกาสไปเล่นเกมบุกถึงเส้น 15 หลา ของแดนฟอลคอนส์

แต่กลายเป็นว่าทีมดังจากนิวอิงแลนด์กลับทำผิดพลาดอีกครั้ง จากโอกาสที่จะได้ทัชดาวน์ จนสุดท้ายต้องมาเตะฟิลด์โกล เพื่อเอา 3 คะแนนก่อนจบครึ่งแรก ด้วยสกอร์ 21 ต่อ 3

เริ่มครึ่งหลังมาในควอเตอร์ 3 ก็ยังเป็นฟอลคอนส์ที่รักษาโมเมนตัมมาจากครึ่งเวลาแรก พวกเขาโชว์เกมรุกทำระยะ 88 หลา และจบด้วยทัชดาวน์ตามคาดอีกครั้ง กลายเป็นสกอร์ 28 ต่อ 3

 

UFABETWIN

 

นี่คือจุดเริ่มต้นของตัวเลขที่แฟนอเมริกันฟุตบอลคุ้นเคยกันดี ณ เวลานั้นไม่เคยมีทีมไหนที่โดนนำ 25 แต้มในซูเปอร์โบวล์แล้วจะกลับมาชนะได้ ใคร ๆ ก็เชื่อว่า แอตแลนตา ฟอลคอนส์ จะได้เป็นแชมป์ซูเปอร์โบวล์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์ ตั้งแต่ยังไม่จบควอเตอร์ 3

แต่ช่วงเวลาหลังจากนี้คือหนังคนละเรื่อง

ชายที่ชื่อ ทอม เบรดี้

แม้จะโดนนำห่าง 25 แต้ม หากมองถึงรูปเกมจริง ๆ เพเทรียตส์ไม่ได้แย่ขนาดนั้น โดยเฉพาะเกมบุกของทีมที่มีผลงานได้น้ำได้เนื้อ แต่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทำให้ทำแต้มหลุดมือไปเสียหมด จากที่ควรจะมีสัก 14 แต้มจาก 2 ทัชดาวน์ที่ควรทำได้ กลายเป็นเหลือแค่ 3 คะแนน แถมเสียไป 7 คะแนนให้กับฟอลคอนส์จากจังหวะที่เบรดี้เสียอินเตอร์เซปต์อีกต่างหาก

 

ดังนั้นหากทีมรุกของเพเทรียตส์ไม่พลาดง่าย ๆ สกอร์ของเกมควรจะออกมาเป็น 21 ต่อ 14 ไม่ใช่ 28 ต่อ 3 หรือควรจะออกมาสูสี เป็นรองนิดหน่อยตามรูปเกมที่ออกมา และเราพูดได้ว่าการโดนนำ 28-3 เป็นสกอร์ที่เกินจริงอยู่เหมือนกัน

เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกมรุกของเพเทรียตส์เกิดความผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง มาจากเกมวิ่งของทีมที่ฝืดเคืองสุด ๆ เพราะ เลอการ์เรตต์ บลอนต์ ตัววิ่งคนเก่งของเพเทรียตส์ที่ในฤดูกาลปกติทำระยะวิ่งได้ถึง 1,161 หลา และทำ 18 ทัชดาวน์ มากที่สุดในปี 2016 กลับเงียบสนิทในเกมซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 51 โดยทำระยะได้แค่ 31 หลาเท่านั้นในเกมนี้

เมื่อเกมวิ่งแน่นิ่งไม่ทำงาน ก็เป็นการบีบบังคับให้ทีมต้องเล่นเกมขว้างมากขึ้น ซึ่งหลายคนที่ไม่ได้ดูกีฬาอเมริกันฟุตบอลจริงจัง คงจะไม่รู้ว่าการให้ควอเตอร์แบ็กขว้างบอลบ่อยครั้งไม่ใช่เรื่องดี เพราะเป็นการเล่นที่เสี่ยงมากกว่าเกมวิ่ง มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้มากกว่า โดยเฉพาะการเสียการครอบครองบอลให้กับคู่แข่ง

ดูได้จากการเสียอินเตอร์เซปต์ของ ทอม เบรดี้ จนนำไปสู่การเสียทัชดาวน์ในช่วงควอเตอร์ 2 นั่นก็เป็นเพราะเพเทรียตส์บุกด้วยเกมวิ่งไม่เข้า จนต้องพึ่งพาแต่การขว้างของ ทอม เบรดี้ จนสุดท้ายถูกทีมรับของฟอลคอนส์อ่านแผนเกมออก จนกลายเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามด้วยความที่เกมวิ่งของทีมไม่เข้าท่าบวกกับสกอร์ที่ตามหลังอยู่มาก ยิ่งเป็นการบีบบังคับให้เพเทรียตส์ต้องใช้เกมขว้างเท่านั้นในการสร้างเกมบุกให้กับทีม ซึ่งเท่ากับว่าต้องเล่นเสี่ยงมากกว่าเดิม และมีโอกาสจะถูกฟอลคอนส์ทำแต้มนำห่างขึ้นไปอีก

แต่สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ และไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก ทอม เบรดี้ ณ เวลานั้น ก่อนจะได้รับการยกย่องให้เป็น อย่างไร้ข้อกังขา ควอเตอร์แบ็กหมายเลข 12 ของเพเทรียตส์ ต้องเจอบททดสอบที่ยากหินที่สุดของอาชีพ กับการพาทีมที่ตามหลัง 25 แต้มกลับมาชนะให้ได้ แถมยังต้องแบกภาระไว้บนบ่าเต็ม ๆ ที่จะพลาดไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว

โชคดีที่ ทอม เบรดี้ เป็นคนชอบการท้าทายตัวเองแบบนี้อยู่แล้ว บททดสอบสุดหินที่เขาเจอ เปิดโอกาสให้ TB12 พิสูจน์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ในฐานะผู้ชนะที่นำทีมกลับมาได้

ในเกมนี้ ทอม เบรดี้ ขว้างแหลกถึง 62 ครั้ง สำเร็จ 43 ครั้ง ทำระยะไป 466 หลา มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกมซูเปอร์โบวล์ตลอดกาลมาจนถึงปัจจุบัน

ความสำเร็จของ ทอม เบรดี้ ที่เกิดขึ้นในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นประสบการณ์ที่ตัวเขาสั่งสมมาจากการเล่นซูเปอร์โบวล์ก่อนหน้านี้ถึง 6 ครั้ง ผ่านทั้งมาชัยชนะและความพ่ายแพ้ มีทั้งโดนพลิกแซง รวมถึงพาทีมไปพลิกคว้าชัย เขาเจอมาหมดแล้ว

“ซูเปอร์โบวล์เป็นเกมที่ประหลาด ผมผ่านมาเยอะ บางทีเกมก็พลิกไปทางทีมหนึ่ง อยู่ดี ๆ ก็พลิกกลับไปหาอีกทีมหนึ่ง ผมคิดว่าในตอนนั้นเรายังมีอีกหลายวิธีการเล่นที่เรายังไม่ได้ลองใช้ และผมคิดว่าเราทำได้ดีแน่นอน หากมองถึงสไตล์การเล่นของ (ทีมรับ) ฟอลคอนส์” ทอม เบรดี้ กล่าว

การผ่านอะไรหลายอย่างในเกมใหญ่แบบนี้ ทำให้ ทอม เบรดี้ รับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง และแม้จะเป็นเกมที่ไม่ง่ายโดยเฉพาะในช่วงครึ่งเวลาแรก แต่เบรดี้ก็เห็นจุดอ่อนที่ชัดเจนในแนวรับของทีมฟอลคอนส์

เบรดี้มองเห็นว่าทีมรับคู่แข่งไม่สามารถหยุดเกมขว้างของเขาได้เต็มรูปแบบ สามารถเสียระยะให้ได้ตลอด โดยเฉพาะหากเบรดี้เลือกออกบอลไว เพื่อไม่ให้แนวรับฟอลคอนส์เข้าถึงตัวและขัดขวางเกมบุกของทีม

นอกจากนี้ทีมรับของฟอลคอนส์ใช้แรงไปเยอะมากในเกมซูเปอร์โบวล์ครั้งนี้ เหตุผลที่เกมรุกของเพเทรียตส์ไปไม่เป็นในช่วงครึ่งเวลาแรกก็เพราะผู้เล่นเกมรับของฟอลคอนส์วิ่งพล่านไปทั่วสนามแบบไม่มีหมด เข้าปะทะผู้เล่นของเพเทรียตส์ได้อย่างรวดเร็วและหนักหน่วง โดยไม่เปิดโอกาสให้ทำระยะกันได้ง่าย ๆ

อย่างไรก็ตามยิ่งเวลาผ่านไปผู้เล่นทีมรับของฟอลคอนส์ก็ยิ่งอ่อนล้า ความรวดเร็วในเกมป้องกันเริ่มหายไป การตัดสินใจผิดพลาดเริ่มมีมากขึ้น และนั่นคือการเปิดช่องครั้งสำคัญให้ ทอม เบรดี้ ได้โจมตี

“สิ่งหนึ่งที่ผมรู้กับการเล่นซูเปอร์โบวล์มาหลายครั้ง นั่นคือในช่วงท้ายเกมเป็นเรื่องยากมากที่ทีมรับจะหยุดเกมรุก ผมบอกได้เลยว่ามันเกิดขึ้นทุกเกมในซูเปอร์โบวล์” ทอม เบรดี้ แสดงถึงประสบการณ์อันโชกโชนในซูเปอร์โบวล์

เบรดี้รู้ดีว่าทีมรับของฟอลคอนส์จะต้องแรงหมด และเขาใช้โอกาสตรงนี้ในการสั่งสอนทีมฟอลคอนส์ชุดนี้ที่ไม่เคยเข้ามาสู่ซูเปอร์โบวล์มาก่อน แตกต่างจากตัวเขาที่เข้าแข่งขันเป็นครั้งที่ 7 ด้วยการขว้างแหลกแล้วปล่อยให้ทีมรับฟอลคอนส์วิ่งกันหัวหมุนแต่ตามลูกบอลไม่ทัน โดนคัมแบ็ก 25 แต้มจนกลับมาเสมอในเวลาปกติได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่เบรดี้จะพาทีมทำทัชดาวน์เก็บชัยชนะในช่วงต่อเวลาได้สำเร็จ

 

UFABETWIN

 

นอกจากนี้ ทอม เบรดี้ ยอมรับว่า เขามีไฟที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองในเกมนี้เป็นอย่างมาก เพราะในช่วงที่ตัวเขาทำผลงานได้ไม่ดีนัก จนทีมโดนนำ 28-3 ควอเตอร์แบ็กของทีมคู่แข่ง อย่าง แมท ไรอัน กลับระเบิดผลงานทำ 3 ทัชดาวน์ ขว้างบอลแทบไม่พลาดเป้า ซึ่งมันทำให้เบรดี้อยากแสดงให้โลกได้เห็นว่า เขาก็เล่นแบบนั้นได้เหมือนกัน

“ผมคิดว่าผมก็คือผมคนเดิม ผมเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเองเสมอ บางครั้งสถิติที่ออกมาก็ดูไม่ดีนัก แต่สำหรับผมมันไม่สำคัญหรอก มันขึ้นอยู่กับตัวผมเองว่าผมรู้สึกแบบไหน ผมแค่ต้องทำงาน ทำหน้าที่ของผมให้สำเร็จ” ทอม เบรดี้ กล่าว

อย่างไรก็ตามหากจะถามจริง ๆ ว่า ทำไม นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ถึงกลับมาได้ ทอม เบรดี้ ยอมรับตามตรงว่าทั้งตัวเขาและเพื่อนร่วมทีมทุกคนไม่เคยหมดหวังที่จะกลับมาเป็นผู้ชนะ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะไม่เคยมีทีมไหนใน NFL ทำเรื่องแบบนี้ให้เกิดขึ้นได้มาก่อนก็ตาม

“มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าจะเลือกแบบไหน เราพูดได้ทั้ง ‘คงไม่มีทางกลับมาชนะในเกมนี้’ หรือ ‘เราจะสร้างการคัมแบ็กที่น่าเหลือเชื่อให้ได้'”

“ผมตั้งโจทย์ว่าเราต้องกลับมาให้ได้ เพราะถ้าเราทำได้ นี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพ มันคือสิ่งที่คุณจะจำไปจนวันตาย”

“เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว มันสร้างพลังใจและความกล้าให้กับเราได้เยอะมาก ทำให้เราไม่กลัวที่จะลงไปสู้กับคู่แข่ง” เบรดี้ เล่าถึงทัศนคติที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ชนะ

ความผิดพลาดเพียงนิดเดียว

อเมริกันฟุตบอลคือกีฬาที่มีเอกลักษณ์ตรงที่เกมการแข่งขันจะหยุดเสมอหลังจากการเล่น 1 เพลย์จบ และเปิดโอกาสเพียงไม่กี่วินาทีให้แต่ละทีมได้วางแผน เพื่อหาวิธีเล่นเกมรุกหรือเกมรับของตัวเองต่อไป

มองกันตามหลักวิทยาศาสตร์ เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุดที่มีผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ หากมีเวลาที่มากพอและเหมาะสม การตัดสินใจของมนุษย์จะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด

ในทางกลับกันหากมีเวลาน้อยนิด โอกาสที่จะตัดสินใจอย่างผิดพลาดก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว และสำหรับกีฬาอเมริกันฟุตบอล การมีเวลาไม่กี่วินาทีในการตัดสินใจกับการเล่นที่ชี้ชะตาอนาคตของแฟรนไชส์ การเลือกผิดเพียงนิดเดียวก็อาจส่งผลเสียแบบที่ใครคาดไม่ถึง

แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ได้รับบทเรียนนี้ที่พวกเขาจะจำไปอีกนานในซูเปอร์โบวล์ 51 เพราะแม้ว่าเพเทรียตส์จะทำแต้มไล่มาเรื่อย ๆ แต่ด้วยความได้เปรียบ 25 แต้มที่มีเหนือกว่าคู่แข่งก็ควรจะช่วยให้พวกเขาปิดเกมได้ไม่ยาก

ขณะที่เหลือเวลาอีก 5 นาที 53 วินาทีในควอเตอร์ที่ 4 ฟอลคอนส์ก็มีโอกาสได้บุกใส่เพเทรียตส์ และ แมท ไรอัน ควอเตอร์แบ็กของทีมพาทีมบุกจากหน้าบ้านของตัวเองมาถึงเส้น 23 หลาในแดนของเพเทรียตส์ โดยใช้เวลาไปแค่ 1 นาที 13 วินาทีเท่านั้น

ณ สถานการณ์ตรงนั้นฟอลคอนส์ยังนำอยู่ 28 ต่อ 20 และพวกเขามีบอลอยู่ในมือ ซึ่งด้วยตำแหน่งของฟอลคอนส์ พวกเขาการันตีการทำ 3 คะแนนได้แน่นอนเป็นอย่างน้อย เพราะอยู่ในระยะที่สามารถเตะฟิลด์โกลทำคะแนนได้

โดยปกติแล้วทีมที่ขึ้นนำและอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มักจะนำแผนวิ่งมาใช้งาน เพื่อรักษาระยะพื้นที่ในการครอบครองบอลของทีม ลดโอกาสในการเสียบอลหรือเสียระยะวางลูก ซึ่งถึงจะมีโอกาสได้ทัชดาวน์ยากกว่า แต่อย่างน้อยก็การันตี 3 แต้มในมือ (ในกรณีที่ตัวเตะ เตะฟิลด์โกลเข้า)

ณ ตอนนั้นมีการเปิดเผยว่าโอกาสชนะของฟอลคอนส์อยู่ที่ 92 เปอร์เซ็นต์ และหากเตะฟิลด์โกลเข้า โอกาสชนะของทีมจะเพิ่มเป็น 99 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจะนำห่างเป็น 11 แต้ม และด้วยช่วงเวลาที่เหลือประมาณ 4 นาที เป็นเรื่องที่ยากมากที่เพเทรียตส์จะทำคะแนนตามตีเสมอได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่นเสี่ยง

อย่างไรก็ตามฟอลคอนส์ไม่ทำแบบนั้น พวกเขาเลือกที่จะใช้แผนขว้างให้ แมท ไรอัน ถือบอล เตรียมขว้างเพื่อหวังทำทัชดาวน์ และหากได้มาก็จะปิดเกมนี้ในทันที แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างถึงที่สุด

แมท ไรอัน ถูกแซ็คจนเสียระยะไปอยู่ที่เส้น 35 หลาในแดนของเพเทรียตส์ ก่อนที่ในเพลย์ถัดมาฟอลคอนส์จะเสียโทษอีก 10 หลา จนสุดท้ายออกมาจากระยะฟิลด์โกล และในการบุกครั้งนี้พวกเขาไม่ได้สักแต้มติดมือ

การตัดสินใจที่ผิดพลาดเลือกให้ แมท ไรอัน ถือบอลเล่นเกมขว้างจนกลายเป็นถูกแซ็คเสียระยะ แทนที่จะใช้เกมวิ่งเพื่อรักษาบอลแล้วเอา 3 คะแนนของ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ยังคงถูกกล่าวถึงจนทุกวันนี้ในฐานะเพลย์สำคัญที่ทำให้ทีมจากแดนใต้ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้ครองแชมป์ซูเปอร์โบวล์ในบั้นปลาย

สิ่งที่น่าสนใจคืออะไรทำให้ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ตัดสินใจแบบนั้น แน่นอนว่าวิทยาศาสตร์มีคำตอบ มีการรายงานว่าบุคคลที่อยู่ในภาวะเครียดกดดันและรู้สึกตกอยู่ในอันตรายจะมีโอกาสติดสินใจผิดพลาดมากกว่าปกติ

แน่นอนว่า แอตแลนตา ฟอลคอนส์ อยู่ในสภาวะดังกล่าวเต็ม ๆ หลังจากโดนเพเทรียตส์ไล่ทำแต้มเข้ามา จนใกล้จะตามตีเสมอได้ ทำให้ทีมมองถึงการปิดเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากเกินไป ด้วยการหวังทำทัชดาวน์ โดยลืมความจริงที่ว่าแค่พวกเขาได้ 3 แต้มจากการเตะฟิลด์โกลก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความกดดันให้กับฝั่งของนิวอิงแลนด์

สุดท้ายแล้วก็วนกลับมาที่เรื่องเดิมนั่นคือ สภาพความคิดและจิตใจ ในขณะที่ ทอม เบรดี้ กับทีมเพเทรียตส์มีจิตใจที่มั่นคงพาทีมกลับมาชนะได้ ทีมฟอลคอนส์กลับพ่ายแพ้ให้กับความเครียด และความกดดันจนนำไปสู่การล้มเหลวของทีม

 

การคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้ผ่านเกมยากลำบากในกีฬาอเมริกันฟุตบอลมามากแค่ไหน ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะหนักเท่าเกมนี้ เพราะนี่คือเกมที่ทุกวินาทีมีความหมาย และผลการแข่งขันสามารถพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ แม้เหลือเวลาแค่ 1 วินาที

สุดท้ายแล้ว เรื่องราวของ ฟอลคอนส์ กับ เพเทรียตส์ ในซูเปอร์โบวล์ 51 คือสิ่งที่บอกว่าการจะเป็นแชมป์ เป็นผู้ชนะ คุณต้องพร้อมทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ

เมื่อโอกาสมาถึงคุณต้องเชื่อมั่น อย่ากลัวที่จะผิดพลาด จงมองถึงอนาคตที่เราจะกลายเป็นผู้ชนะ ทำงานของคุณให้สำเร็จลุล่วง เพื่อให้ฝันของคุณเป็นจริง

UFABETWIN

UFABETWIN

UFABETWIN “อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น” : นักฮอกกี้น้ำแข็งใน NHL ที่ประกาศสนับสนุน “ปูติน” ออกสื่อ

ท่ามกลางสงครามระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน หรือที่หลายคนอาจนิยามว่า “การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย” บุคคลที่ถูกประณามมากที่สุดในโลกคือ วลาดิเมียร์ ปูติน

ผู้นำเบ็ดเสร็จของมหาอำนาจแดนหมีขาว ซึ่งรับผิดชอบความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออกขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อต้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีรัสเซีย เพราะนักกีฬาบางคนเลือกจะปฏิเสธที่จะพูดถึงการกระทำอันละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้คนนับล้านในยูเครน เนื่องจากจุดยืนที่สร้างความแคลงใจต่อคนทั้งโลก

อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของวงการฮอกกี้น้ำแข็ง เขาคือคนหนึ่งที่เคยสนับสนุนปูตินอย่างออกนอกหน้า และไม่เคยกลับมาต่อว่าปูตินจนถึงทุกวันนี้ เขาสนับสนุนแนวคิดอะไรในตัวผู้นำของประเทศ? และหาทางออกอย่างไรกับจุดยืนของตนในวันที่ไฟสงครามปะทุ?

ผู้เล่นระดับตำนานแห่งวงการฮอกกี้น้ำแข็ง

หากจะหาคำกล่าวสั้นๆ เพื่ออธิบายถึง อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น “ผู้เล่นที่จบสกอร์ได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์” น่าจะเป็นการพูดถึงตัวตนของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งชาวรัสเซียคนนี้ได้ดีเยี่ยม เจ้าของฉายา หมายเลขแปดผู้ยิ่งใหญ่, ตำแหน่งดราฟต์อันดับหนึ่งเมื่อฤดูกาล 2004 และกัปตันทีม วอชิงตัน แคปิตอลส์ จึงถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ NHL ในปัจจุบัน

เขาเริ่มต้นอาชีพนักกีฬาเมื่อปี 2001 โอเวชกิ้น ประเดิมเส้นทางบนเวทีฮอกกี้นำแข็งกับทีม ดินาโม มอสโก ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 16 ปี เขาใช้เวลา 3 ปีเพื่อสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในหมู่แมวมองของเหล่าแฟรนไชส์ใน NHL โดย โอเวชกิ้น ยิงไป 36 ประตู และทำ 32 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 152 เกมที่ประเทศรัสเซีย

เมื่อเขาเดินทางสู่สหรัฐอเมริกา โอเวชกิ้น ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้เล่นดราฟต์อันดับหนึ่งของปี 2004 เนื่องจากฟอร์มที่โดดเด่นต่อเนื่องกันมาถึง 2 ปี, ความสามารถในสนามที่รอบด้าน, มีทักษะในการจบสกอร์ที่เข้าขั้นอัจฉริยะ และยังกล้าจะเข้าปะทะกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามแบบรุนแรง สมกับเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนจากประเทศรัสเซีย

“ผมคิดว่าการปรับตัวจากลีกยุโรปสู่ NHL ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรสำหรับผม เพราะผมเคยเล่นในอเมริกาเหนือมาแล้วเมื่อปีก่อน และเราก็คว้าแชมป์เวิลด์จูเนียร์มาครองได้ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา และผมมีความฝันจะเล่นใน NHL เสมอ ฮอกกี้น้ำแข็งที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ และผมพร้อมแล้วที่จะลงเล่นในทันทีที่ผมถูกดราฟต์เข้าสู่ทีม”

เมื่อการดราฟต์มาถึง โอเวชกิ้น เป็นผู้เล่นที่ถูกเลือกคนแรกในปี 2004 โดย วอชิงตัน แคปิตอลส์ และตัวเขายังคงเล่นให้กับทีมดังจากเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ โดยเจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมฤดูกาลแรกในปี 2005-06 จัดการยิงไป 52 ประตู และจ่ายอีก 54 แอสซิสต์ ไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่คนไหนทำผลงานได้ดีไปกว่าเขา โอเวชกิ้น จึงคว้าตำแหน่งรุกกี้แห่งไปไปครองโดยปราศจากคู่แข่ง

โอเวชกิ้น ระเบิดฟอร์มจนเป็นดาวซัลโวลีกครั้งแรกในฤดูกาล 2007–08 ด้วยการยิงไป 65 ประตู พร้อมกับพาวอชิงตัน แคปิตอลส์ เข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีม ซึ่งความสำเร็จในฐานะดาวซัลโวของลีกตรงนี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของยอดผู้เล่นชาวรัสเซีย

เพราะหลังจากคว้ารางวัลนี้มาครองเป็นครั้งแรกในปี 2007 โอเวชกิ้น ก็ครองตำแหน่งดาวซัลโวของ NHL อีก 8 ครั้ง ในปี 2009, 2013, 2014, 2015, 2016, 2018, 2019 และ 2020 เท่ากับว่า 9 ฤดูกาลที่ผ่านมา โอเวชกิ้น เป็นดาวยิงสูงสุดของลีกถึง 7 ครั้ง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการฮอกกี้น้ำแข็ง

 

UFABETWIN

 

“ความจริงคือเรากำลังเฝ้ามองหนึ่งในผู้เล่นที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NHL ถึงแม้ว่าใครหลายคนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพนี้ชัดเจนนัก” เควิน อัลเลน นักข่าว เขียนถึงความยอดเยี่ยมของโอเวชกิ้นไว้ตั้งแต่ปี 2015

หลังจากจบฤดูกาล 2020–21 โอเวชกิ้นทำผลงานยิง 730 ประตู จาก 16 ฤดูกาล กลายเป็นหนึ่งใน 8 ผู้เล่นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของ NHL ที่สามารถยิงประตูเกิน 700 ลูก และยังเป็นผู้เล่นที่คว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดมากที่สุดด้วยจำนวน 9 ครั้ง จนได้รับการคาดการณ์ว่าเขามีโอกาสจะทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาล 894 ประตูของ เวย์น เกรสกี้ ตำนานนักฮอกกี้น้ำแข็งอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

สหายปูตินกับการวางตัวเป็นกลางต่อความขัดแย้ง

แม้จะเล่นกีฬาบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกามายาวนานกว่า 15 ปี แต่ โอเวชกิ้น ยังคงถูกจดจำจากสายตาคนทั่วไปในฐานะชาวรัสเซียเต็มขั้น โดยในปี 2011 เขาเคยรับบทบาทในโฆษณาของ ESPN เป็นสายลับจากประเทศรัสเซียที่เข้ามาแฝงตัวในสหรัฐอเมริกาภายใต้บทบาทของนักฮอกกี้น้ำแข็ง

แน่นอนว่า โอเวชกิ้น ไม่ใช่สายลับและเขาก็เป็นนักกีฬาตัวจริงเสียงจริง แต่ถึงอย่างนั้น โอเวชกิ้น ก็มีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยกับรัฐบาลรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของประเทศ ซึ่ง โอเวชกิ้น ให้การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้ามาตั้งแต่ปี 2017

เขาถือเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เรียกว่า ซึ่งทำหน้าที่คอยช่วยสนับสนุนปูติน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อปี 2018 โดยการประกาศสนับสนุนผู้นำที่หลายคนมองว่าเป็นเผด็จการไม่ได้สร้างความแปลกใจต่อผู้คนในรัสเซีย เพราะปูตินเคยปรากฏตัวในงานแต่งงานของโอเวชกิ้นเมื่อปี 2016 เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความสนิทสนมกันมากเพียงใด

เมื่อบวกกับความจริงที่การเคลื่อนไหว ถูกตั้งข้อสังเกตว่าได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจากรัฐบาลรัสเซีย ยิ่งแสดงให้เห็นว่า โอเวชกิ้น ไม่ได้สนิทกับปูตินแค่ในฐานะเพื่อน แต่ทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันในระดับที่อาจมีผลประโยชน์บางอย่างร่วมกันอยู่

ทุกครั้งที่ โอเวชกิ้น ถูกถามถึงความสัมพันธ์ของเขากับปูติน ซึ่งมีโอกาสจะส่อถึงนัยยะแอบแฝงทางการเมือง เขาสามารถหาคำตอบที่ดีให้แก่ผู้สื่อข่าวได้ทุกครั้ง โดย โอเวชกิ้น มักบอกว่าตัวเขาไม่ได้สนับสนุนปูตินเป็นการส่วนตัว แต่เลือกจะสนับสนุนสิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศชาติในฐานะชาวรัสเซียคนหนึ่ง

“ผมแค่จะสนับสนุนประเทศของผม คุณรู้ใช่ไหม? เพราะที่นั่นคือบ้านเกิดของผม ทั้งพ่อแม่และเพื่อนทั้งหมดของผมอาศัยอยู่ที่นั่น และก็เหมือนกับมนุษย์ทุกคนจากทุกประเทศทั่วโลก พวกเราสนับสนุนประธานาธิบดีของตนเอง” โอเวชกิ้น กล่าว หลังถูกตั้งคำถามถึงเหตุผลแท้จริงที่เขาสนับสนุน วลาดิเมียร์ ปูติน

“มันเป็นแค่สิ่งที่ผมคิดและผมสนับสนุน มันไม่เกี่ยวกับการเมืองหรืออะไรแบบนั้นแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะนี่เป็นแค่มุมมองของผม ความรู้สึกของผม”

 

UFABETWIN

 

การเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนปูตินอย่างออกนอกหน้าของ โอเวชกิ้น ย่อมสร้างความไม่พอใจนักแก่ชาวอเมริกัน เพราะรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบันตั้งตนเป็นศัตรูกับสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน โอเวชกิ้น จึงถูกตั้งคำถามถึงการวางตัวของเขาว่ามีแนวคิดเกลียดชังสหรัฐอเมริกาหรือไม่?

นั่นคือเหตุผลที่สุดยอดนักฮอกกี้น้ำแข็งปฏิเสธการโยงการสนับสนุนปูตินเข้ากับเรื่องการเมือง และมักจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร แม้รัสเซียและสหรัฐอเมริกาจะมีข้อพิพาทกันอยู่ตลอดเวลา โอเวชกิ้น ถึงกับเปิดเผยว่าตัวเขาไม่ได้สนิทกับปูตินแบบที่ใครคิด และจะพูดคุยกันเฉพาะเรื่องฮอกกี้น้ำแข็งเท่านั้น

“ผมไม่ใช่พวกหัวการเมืองนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง ผมรู้แค่ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียด แต่มันก็เป็นอย่างนั้นมาเสมอ คุณก็รู้ดีนะว่าผมเล่นกีฬาที่สหรัฐอเมริกา ที่นี่คือบ้านหลังที่สองของผม และผมไม่อยากเห็นทั้งสองประเทศต่อสู้กัน ไม่อย่างนั้นเรื่องวุ่นครั้งใหญ่จะตามมาแน่นอน” โอเวชกิ้น ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของเขาเรื่องรัสเซียและอเมริกา

การแสดงจุดยืนของ โอเวชกิ้น ต่อความขัดแย้งระหว่างประเทศกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เมื่อกองทัพรัสเซียของปูตินเข้าไปรุกรานประเทศยูเครน ซึ่ง โอเวชกิ้น ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประกาศชัดเจนว่าตัวเขาไม่สนับสนุนสงครามที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นกลับปฏิเสธที่จะกล่าวประณามบ้านเกิด และไม่พูดถึงชายเพียงคนเดียวที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้อย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน

“ได้โปรดอย่าสร้างสงครามอีกเลย ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้บ้าง รัสเซีย, ยูเครน หรือประเทศอื่นๆ ผมคิดว่าเราอาศัยอยู่ในโลกที่เราต้องใช้ชีวิตด้วยสันติสุข” โอเวชกิ้น เรียกร้องให้สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยุติลง

นี่เป็นอีกครั้งที่ โอเวชกิ้น สามารถหาทางออกเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ เขาปฏิเสธจะเข้าข้างทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครน และเลือกแสดงความต้องการที่จะเห็นข้อยุติของสงคราม ซึ่งในขณะเดียวกัน โอเวชกิ้น ก็ไม่ได้หันหลังให้บ้านเกิด และเราจะไม่มีวันเห็นเขาออกมาประณามรัสเซีย รวมถึงปูตินอย่างแน่นอน

โอเวชกิ้น ไม่ได้ไม่สนใจการเมืองอย่างที่เขากล่าวอ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดเขามีความเข้าใจพอจะวางตัวต่อสาธารณชนอย่างไรที่จะทำให้ไม่ถูกคนทั่วโลกประณามว่าเข้าข้างปูติน โดยยังสามารถเป็นแสดงตัวตนในฐานะบุคคลที่มีหัวใจเป็นชาวรัสเซียได้อย่างเต็มภาคภูมิ

นี่คือเรื่องราวที่แสดงให้เห็นว่า เหตุใดนักกีฬารัสเซียคนหนึ่งจึงปฏิเสธที่จะประณามประเทศ และทำได้ดีที่สุดเพียงเรียกร้องให้ยุติสงครามโดยไม่อ้างชื่อฝ่ายใด เพราะการเป็นกลางอย่างไม่เป็นกลางนี้คือทางออกเดียวของ อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น ที่จะทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของผลประโยชน์ที่บ้านเกิดอาจครอบครองไว้ในกำมือได้ แม้จะผ่านวิธีการอันไม่เป็นที่ยอมรับต่อชาวโลกก็ตาม

UFABETWIN

UFABETWIN

UFABETWIN ซ้อมหนักจนอาเจียน : กว่าจะเป็น “ภูริพล บุญสอน” นักวิ่งมหัศจรรย์วัย 16 ปี

สถิติวิ่ง 100 เมตรของประเทศไทย ที่คงอยู่มายาวนานกว่า 24 ปี ได้ถูกทำลายลงเป็นที่เรียบร้อยด้วยฝีเท้าของเด็กหนุ่มอายุเพียงแค่ 16 ปี และไม่เพียงแค่อีเวนท์เดียวแต่เด็กคนนี้ยังทำลายสถิติประเทศไทยในระยะ 200 เมตรได้อีกในวันถัดมา

การทำลายสถิติ 2 รายการติดต่อกันได้กลายเป็นปรากฏการณ์และทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้จัก “บิว” ภูริพล บุญสอน นักวิ่งดาวรุ่งมหัศจรรย์เจ้าของผลงานดังกล่าว จนถูกยกให้เป็นดาวจรัสแสงแห่งวงการกรีฑาไทยคนใหม่

ความมหัศจรรย์ของเด็กหนุ่มวัย 16 ปีรายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

นักวิ่ง 100 เมตรที่เร็วที่สุดในประเทศไทย

เช้าวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2565 อาจเป็นวันหยุดพักผ่อนของใครหลายคน บางคนอาจปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรให้น่าจดจำ แต่ไม่ใช่กับ “บิว” ภูริพล บุญสอน นักวิ่งหนุ่มวัย 16 ปี เพราะวันนี้จะเป็นวันที่เขาต้องจดจำมันไปชั่วชีวิต

เช้าวันนั้นภูริพลมีภารกิจสำคัญต้องลงแข่งขันศึกวิ่ง 100 เมตรชายรอบคัดเลือก ให้กับบ้านเกิดของตัวเองทีมจังหวัดสมุทรปราการ ในมหกรรมกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 หรือ “ศรีสะเกษเกมส์” ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาระดับท็อปของประเทศไทยที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมชิงชัย โดยไม่จำกัดว่าคุณจะเป็นนักกีฬาดีกรีทีมชาติหรือเป็นเพียงนักกีฬาสมัครเล่น

ใจของเขาเต้นรัวเหมือนมีคนมารัวกระเดื่องกลองอยู่กลางอก เพราะนี่คือรายการที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เจ้าตัวเคยลงแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะแข่งในรายการระดับโรงเรียนและกีฬากรมพลศึกษาเสียมากกว่า หนำซ้ำคนที่อยู่ลู่ข้าง ๆ ยังเป็นรุ่นพี่นักวิ่งดีกรีทีมชาติไทยอย่าง “ใบพัน” ศิริพล พันธ์แพ ซึ่งเป็นไอดอลของตัวเองที่มาลงแข่งขันในนามจังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะตื่นเต้นขนาดไหนแต่บิวยังคงยิ้มสู้ เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสีดำติด BIB หมายเลข 1091 ก้าวลงสู่สนามกรีฑา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ สังเวียนที่ใช้แข่งขันอย่างไร้ความกดดัน เพราะการเดินทางมาแข่งขันครั้งนี้เขาไม่ต่างจากนักวิ่งดาวรุ่งที่ยังไร้ชื่อเสียง โดยหวังแค่เพียงมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์พร้อมทำผลงานออกมาให้ได้ดีที่สุด และแอบหวังเล็ก ๆ ว่าจะมีลุ้นได้เหรียญรางวัลติดมือกลับบ้านสักเหรียญ

ทว่าทุกอย่างกลับดีเกินคาด … บิวสามารถสร้างเซอร์ไพรส์เค้นฝีเท้าเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ของรอบคัดเลือกฮีตแรก ด้วยเวลา 10.31 วินาที ซึ่งถือเป็นเวลาที่เทียบเท่ากับสถิติกีฬาแห่งชาติที่ “มิ้ว” จิระพงศ์ มีนาพระ อดีตลมกรดทีมชาติไทยเคยทำไว้เมื่อปี 2557 และนั่นทำให้เขาเริ่มมองถึงเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นกว่าการแค่มาหาประสบการณ์แล้ว

“ตอนแรกก็ตื่นเต้นมากเลยครับ ผมแอบหวังแค่ติด 1 ใน 3 ได้ก็ดีใจแล้ว ก่อนรอบคัดเลือกก็วอร์มเบา ๆ เน้นวิ่งอัดแค่ 2-3 เที่ยวแล้วรอแข่งเลย พอแข่งจริงสามารถทำเวลาได้ดีมาก ๆ ทำให้เราคิดว่าในรอบชิงฯ น่าจะทำเวลาได้ต่ำกว่านี้อีก เพราะรอบคัดเลือกผมอัดแค่ช่วงต้น พอช่วงปลายก็เป็นจังหวะก้าวไปเรื่อย ๆ” บิว กล่าวถึงความมั่นใจ

ผลงานดังกล่าวทำให้บิวผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศในช่วงเย็นวันเดียวกัน ในเวลานั้นเขาไร้ซึ่งความตื่นเต้นในจิตใจแล้ว พร้อมเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อที่เต้นสูบฉีดกระหายที่จะโชว์ฟอร์มต่อเนื่องแทน ซึ่งในรอบไฟนอลเด็กหนุ่มต้องฟาดฟันกับสตาร์รุ่นพี่ดีกรีทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบมาเช่นกัน โดยนอกจาก “ใบพัน” ศิริพล พันธ์แพ แล้วยังมี “แม็ค” ณัฐพงศ์ วีระวงศ์รัตนศิริ และ “ไอซ์” ชยุตม์ คงประสิทธิ์ เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 2019 ระยะ 200 เมตร

แม้เป็นนักวิ่งที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก แต่ทันทีที่สัญญาณปล่อยตัวดัง บิวกลับสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้อีกครั้งด้วยการระเบิดฝีเท้านำเดี่ยวตั้งแต่ออกสตาร์ทจนเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้สำเร็จ และเหนืออื่นใดก็คือเวลาบนสกอร์บอร์ดที่หยุดไว้ที่ “10.19 วินาที” เป็นเวลาที่เร็วที่สุดที่นักวิ่งไทยเคยทำได้

เวลาดังกล่าวได้ทำลายสถิติประเทศไทยของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ อดีตนักวิ่งทีมชาติไทยชื่อดัง ที่ทำไว้ด้วยเวลา 10.23 วินาที ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ปี 2541 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพลงอย่างราบคาบ … วินาทีนั้น “ภูริพล บุญสอน” ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นนักที่เร็วที่สุดของประเทศไทยในระยะ 100 เมตร

 

“ตอนเข้าเส้นชัยมองเวลาตอนแรกเห็นแค่เวลา .21 ก็ช็อกไปแป๊ปนึง ตอนนั้นก็ดีใจแล้วรู้ว่าตัวเองทำลายสถิติประเทศไทยได้ แต่ไม่คิดว่าจะลงมาถึง .19 ได้ มันเป็นอะไรที่ภูมิใจมาก ไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะมันยากมาก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำเวลาได้เท่านี้มาก่อน” บิว เผย

สถิติที่คงอยู่มายาวนานกว่า 24 ปี ได้ถูกพังทลายลงอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อนด้วยฝีเท้าของเด็กหนุ่มอายุเพียงแค่ 16 ปี แน่นอนว่ามันคือปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ และทุกอย่างไม่ใช่เรื่องแค่บังเอิญ เพราะวันถัดมาเขาได้ย้ำให้คนทั้งประเทศได้เห็นอีกครั้งว่าตัวเองคือของจริง

ตอกย้ำความมหัศจรรย์

หลังจากทำลายสถิติประเทศไทยในระยะ 100 เมตรลงได้ ชื่อของ “บิว” ภูริพล บุญสอน ได้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศเพียงชั่วข้ามคืน หลายคนเข้ามาร่วมแสดงความดีใจพร้อมเอาใจช่วยเป็นกำลังใจให้กับเจ้าตัว แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าสถิติที่ทำได้อาจเป็นเพียงความบังเอิญที่เกิดขึ้น

ภูริพลไม่สนใจเสียงนกเสียงกา เขาไม่หลงระเริงไปกับคำชมและความสำเร็จที่ได้รับ แต่ยังคงมุ่งมั่นมีสมาธิเพื่อเตรียมพร้อมลงแข่งขันในรายการต่อไปของตัวเองในระยะ 200 เมตร ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นระยะที่ถนัดน้อยกว่า เพราะรู้สึกว่าช่วงเข้าโค้งยังทำได้ไม่ดีนัก

 

UFABETWIN

 

และในที่สุดเขาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด โดยในรอบคัดเลือก สามารถเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกของฮีต 1 ด้วยเวลา 21.39 วินาที ก่อนลงชิงชัยในรอบชิงชนะเลิศช่วงเย็นวันเดียวกัน

“เวลาที่ทำได้ตอนรอบคัดเลือกก็พอใจมาก ๆ แล้ว พอรอบชิงฯ มีอาการตึง ๆ ตรงแฮมสตริงเล็กน้อย ตอนแรกยังคิดว่าจะวิ่งไม่ได้ กล้วจังหวะกระชากแล้วกล้ามเนื้อจะกระตุก เลยมีความกังวลนิดนึง แต่พอออกตัวแล้วรู้สึกว่าโอเคเลยวิ่งได้เต็มที่” บิว เผย

แม้จะไม่ใช่ระยะที่ถนัดที่สุด แม้จะมีอาการเจ็บให้กังวล แต่เขาก็สามารถสร้างความมหัศจรรย์อีกครั้งด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกคว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ พร้อมยังทำลายสถิติประเทศไทยได้อีกหนึ่งรายการด้วยเวลา 20.58 วินาที ซึ่งสถิติเดิมที่ทำไว้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นของเหรียญชัยที่เคยทำไว้ 20.69 วินาที ในศึกซีเกมส์เมื่อปี 2542 นั่นเอง

นาทีนี้ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเขาอีกแล้ว บิวก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าความเร็วคนใหม่ของเมืองไทยอย่างสมศักดิ์ศรี

 

แม้วันต่อมาเขาจะมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อจากความล้าที่สั่งสมมาจากการกรำศึกหนัก 2 วันติดต่อกันจนไม่สามารถลงแข่งขันในรายการสุดท้ายวิ่งผลัด 4 x100 เมตรได้ก็ตาม แต่การทำลายสถิติประเทศไทยทั้ง 2 รายการก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นแล้วถึงความมหัศจรรย์ของเจ้าตัว

ความมหัศจรรย์ที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ล้วนเกิดจากพรสวรรค์และพรแสวงที่ลงตัว … เชื่อว่าถึงจุดนี้หลายคนคงอยากรู้แล้วว่าชีวิตของเด็กคนนี้ผ่านอะไรมาบ้างแล้วปัจจัยอะไรที่ทำให้เขาวิ่งได้เร็วขนาดนี้

ฝึกหนักจนอ้วก

“น่าจะเป็นพรสวรรค์และการฝึกซ้อมด้วย” บิว เผยถึงที่มาของความสำเร็จของตัวเอง

เขาอาจเป็นคนพูดน้อยและอธิบายไม่ถูกว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เขาสร้างปรากฏการณ์ถึงขั้นทำลายสถิติประเทศไทยได้ 2 รายการติดต่อกัน เพราะส่วนตัวเขาแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองฝึกซ้อมเหมือนนักกีฬาคนอื่นทั่วไป มีหนักบ้าง เบาบ้าง ไม่มีอะไรพิเศษ แต่หากย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่เขาต้องฝ่าฟันมา เราอาจจะได้เห็นถึงที่มาของความมหัศจรรย์นี้ไม่มากก็น้อย

ภูริพลเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่รักและให้การสนับสนุนด้านกีฬาเป็นอย่างดี คุณพ่อและคุณแม่ของเขาล้วนเคยเป็นนักกีฬาระดับโรงเรียนมาก่อน โดยคุณพ่อสมควรเคยเป็นนักกรีฑา ขณะที่คุณแม่สุภาวดีก็เคยเป็นนักวอลเลย์บอล ดีเอ็นเอความเป็นนักกีฬาของทั้งคู่จึงถูกส่งต่อมาในสายเลือดของลูกชาย

พรสวรรค์ในการเป็นนักวิ่งของบิวเริ่มฉายแววตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.2 ที่โรงเรียนเซนต์ราฟาแอล จังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นอาจารย์ธนกฤต ศรีวัฒนา ครูผู้เป็นโค้ชกรีฑาของโรงเรียนที่เห็นแววของเจ้าตัวตอนวิ่งแข่งเล่นกับเพื่อนบนตึกเรียน ก่อนจะชักชวนมาฝึกซ้อมพร้อมส่งแข่งขันจนคว้าแชมป์มากมายในการแข่งขันกรีฑาระดับนักเรียนประจำจังหวัด

ด้วยฝีเท้าที่รุดหน้าเกินเด็กรุ่นเดียวกัน อาจารย์ธนกฤตจึงพาเจ้าตัวย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ ตอนอายุ 10 ขวบ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขัดเกลาและพัฒาฝีเท้าโดยมี “โค้ชอ๊อด” วัฒนา แสงสุวรรณ ที่เป็นโค้ชกรีฑาของโรงเรียนเป็นผู้ดูแล

ภายในรั้วขาว-แดงแห่งนี้ บิวได้เรียนรู้เทคนิคการวิ่งตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน แม้จะไม่ใช่โรงเรียนกีฬาที่คัดเลือกเด็กที่มีความสามารถอยู่แล้วเข้าปลุกปั้นโดยเฉพาะ แต่ด้วยความเอาใจใส่ของอาจารย์วัฒนาทำให้เขาถูกฝึกฝนในระดับที่ไม่ต่างกัน

ตัวอาจารย์วัฒนาเองในวัยเด็กก็เคยเป็นนักกรีฑามาก่อนแต่ต้องพับความฝันไปเพราะไม่มีโค้ชคอยสอนและสนับสนุนอย่างจริงจัง จึงตัดสินใจผันตัวมาเป็นครูเพื่อผลักดันเด็กที่ขาดการสนับสนุน โดยมีเป้าหมายคือการใช้กีฬาเป็นใบเบิกทางในการเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเด็กที่บางคนอาจไม่ได้เก่งเรื่องวิชาการมากนัก

“จุดยืนของผมคือนักกีฬาต้องไม่ขาดซ้อม ฝนจะตก ฟ้าจะร้องยังไงก็ไม่หยุดซ้อม หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียวต่อสัปดาห์” อาจารย์วัฒนา กล่าวอย่างจริงจัง

อาจารย์วัฒนาได้ขัดเกลาบิวและทีมนักวิ่งกว่า 20 คนของโรงเรียนอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การสร้างความแข็งแรงของร่างกายก่อนด้วยการ วิ่ง วิดพื้น วิดพื้นค้าง ควบคู่กับการเบสิคพื้นฐาน เช่น การยกเข่าต่ำ ยกเข่าสูง

เมื่อสรีระร่างกายแข็งแรงและมีเบสิคแล้วจากนั้นจึงเริ่มฝึกความเร็วและความคล่องตัวทั้งท่าทางการวิ่ง สเต็ปเท้า การฝึกก้าวยาว การยกสะโพก การแกว่งแขน ตลอดจนการฝึกระบบหายใจ โดยวางโปรแกรมฝึกซ้อมวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้า 06.00-07.00 น. และเย็น 17.00-19.00 น.

ขณะที่ทุกวันเสาร์แม้จะเป็นวันหยุดแต่ก็ยังไม่หยุดซ้อม นักกีฬาจะต้องนั่งรถไปฝึกซ้อมที่สนามกีฬากลางของจังหวัดเพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับสนามที่ได้มาตรฐาน โดยต้องนั่งรถไป-กลับเที่ยวละเกือบชั่วโมง นอกจากนี้ยังส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในรายการต่าง ๆ ทั้งรายการของกรมพลศึกษา และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ อย่างต่อเนื่อง

“ตอนแรกที่เข้ามาบิวตัวเล็กมาก เรื่องสรีระไม่ใช่จุดเด่นแน่นอน แต่เขามีพรสวรรค์อยู่แล้ว บวกกับมีพรแสวง มีความมุ่งมั่น มีระเบียบวินัย ไม่เคยขาดซ้อมเลยถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ทำให้ก้าวขึ้นมาอยู่จุดนี้ เขาแสดงให้เห็นตั้งแต่เด็ก เวลาวิ่งมีความคล่องตัวและเท้ามีความไวมาก เวลาวิ่งกับเด็กในวัยเดียวกันก็ทิ้งขาด เหมือนเขาอายุ 12 ขวบ มาแข่งกับเด็ก 10 ขวบ ทั้งที่อายุเท่ากัน เหมือนตอนนี้ที่อายุแค่ 16 ปี แต่สามารถสู้ในระดับประชาชนได้สบาย” อาจารย์วัฒนา พูดถึงลูกศิษย์คนเก่ง

 

UFABETWIN

 

ขณะที่ตัวบิวเองหลังจากได้ก้าวสู่วงการวิ่งอย่างจริงจังก็เริ่มมีสนุกกับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ เขามุ่งมั่นฝึกซ้อมจนได้รับการคัดเลือกเข้าสู่โครงการสปอร์ตฮีโร่ โครงการพัฒนานักกีฬาท้องถิ่นของการกีฬาแห่งประเทศไทยตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งนับเป็นการจุดประกายความฝันของเจ้าตัวสู่การติดทีมชาติไทยเลยก็ว่าได้

“จากที่ตอนแรกวิ่งเพราะสนุก พอได้เข้าโครงการสปอร์ตฮีโร่ผมก็เริ่มคิดแล้วว่าไปทางนี้ได้ หลังจากนั้นผมก็ซ้อมหนักขึ้นเลย บางวันคอร์สหนักจนอ้วกเลยก็มี ยิ่งตอนช่วงฝึกระบบหายใจ ต้องวิ่งจับเวลาระยะ 30-50-70-120 เมตร แล้วตบท้ายด้วยวิ่งระยะไกล 250-300 เมตร ซึ่งทุกรอบจะต้องอัดวิ่งสปีดให้เต็มกำลัง มันเหนื่อยมากเลยนะ บางครั้งก็ต้องวิ่งลากเหล็ก ลากยางรถสิบล้อ เที่ยวละ 50 เมตร วันละ 2-3 รอบ แต่พอฝึกเสร็จผมก็รู้สึกว่ามันช่วยทำให้เร็วขึ้นและช่วยเพิ่มความแข็งแรงช่วงลำตัวด้วย” บิว เผย

ความพยายามของบิวได้มอบรางวัลตอบแทนให้กับเขาด้วยผลงานในสนาม เขาเดินหน้ากวาดแชมป์รายการต่าง ๆ พร้อมทำสถิติส่วนตัวดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการคว้าเหรียญทอง 100 เมตร ในกีฬากรมพลศึกษา ปี 2563 ด้วยเวลา 10.63 วินาที จนได้ถูกผลักดันเข้าไปร่วมฝึกซ้อมกับสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย พร้อมได้เรียนรู้เทคนิคเพิ่มเติมจากโค้ชมืออาชีพและรุ่นพี่ทีมชาติทั้งเรื่องการวางเท้า การตีขา ตลอดจนการปรับท่าทางการวิ่ง ก่อนจะจารึกประวัติศาสตร์ในกีฬาแห่งชาติที่ผ่านมา

“ตอนอายุ 12 เขาทำเวลาได้ 11.99 วินาที พอฝึกซ้อมมาเรื่อย ๆ เริ่มฉายแววขึ้นมา จนอายุ 14 ปี แข่งกรมพลศึกษาทำได้ 10.63 วินาที ก่อนที่กรีฑาดาวรุ่งมุ่งเอเชียนเกมส์ ช่วงปลายปี 2564 จะทำได้ 10.24 วินาที ลึก ๆ ตอนนั้นผมเริ่มคิดแล้วว่า ไอเด็กคนนี้ ต่อไปในอนาคตเขาน่าจะทำได้ต่ำกว่า 10 วินาทีแน่นอน” อาจารย์วัฒนา มั่นใจ

เป้าต่อไปทำลายกำแพง 10 วินาที

ถึงวันนี้ภูริพลได้รับการจับตาและถูกคาดหวังจากแฟนกีฬาชาวไทยแล้วว่าเขาคือคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นดาวจรัสแสงแห่งวงการกรีฑาไทยคนใหม่ ด้วยสถิติที่ทำได้ทั้งในระยะ 100 เมตร 10.19 วินาที และ 200 เมตร 20.58 วินาที

ซึ่งหากวัดกันที่ในระยะ 100 เมตรที่เจ้าตัวเผยว่าเป็นระยะที่ถนัดที่สุดด้วยแล้วถือว่าอนาคตช่างสดใส เพราะเวลาดังกล่าวที่ทำได้นั้นปัจจุบันได้ก้าวข้ามระดับอาเซียนไปแล้ว โดยดีกว่าเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 2019 อย่าง ฮานาฟี มูฮัมหมัด ไฮคาล จากมาเลเซีย ที่ทำไว้ 10.35 วินาที และและตามหลัง อากุง วิโบโว เจ้าของสถิติอาเซียนจากอินโดนีเซีย เพียง 0.02 วินาทีเท่านั้น (สถิติเอเชีย : ซู ปิง เถียน จากจีน 9.83 วินาที )

และด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปี แถมยังมีหน่วยก้านรูปร่างที่ถือว่าเหมาะสม สูง 183 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ทำให้ในอนาคตยังมีโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถให้สูงขึ้นไปอีก โดยเป้าหมายคือการทำลายกำแพงเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่วิ่งระยะ 100 เมตรได้ต่ำกว่า 10 วินาที

อย่างไรก็ตามก่อนจะถึงวันนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้บิวยังมีภารกิจสำคัญรออยู่นั่นก็คือการลงชิงชัยในนามทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม เดือนพฤษภาคม โดยเจ้าตัววางคิวลงแข่งขัน 3 รายการ คือ 100 เมตร 200 เมตร และวิ่งผลัด 4×100 เมตร ซึ่งเจ้าตัวหวังถึงการกวาดเหรียญทองเลยทีเดียว

“ผมคิดว่าจุดเด่นของผมอยู่ที่การตบเท้าได้เร็วกว่าคนอื่น และจังหวะก้าวที่รู้สึกว่าก้าวได้ยาวกว่า แต่ตอนนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงทั้งเรื่องการออกบล็อกจุดสตาร์ทที่ผมคิดว่าตัวเองยังออกไม่ค่อยดี ท่าทางยังไม่ถูกเท่าไหร่ รวมถึงยังต้องพัฒนาเรื่องกล้ามเนื้อ เล่นเวทเพิ่มความแข็งแรงอีกนิด ผมดูตัวบาง ๆ ไปหน่อย อยากทำให้การวิ่งแข็งแรงขึ้นไปอีก”

“ตอนนี้อยากพยายามทำเวลาให้ดีที่สุด อยากทำให้ต่ำกว่า 10 วินาทีให้ได้ มันคงจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ส่วนความฝันสูงสุดของผมคืออยากไปวิ่งในโอลิมปิกสักครั้ง ถึงไปแล้วจะไม่ได้เหรียญก็เถอะแต่แค่ได้ผ่านเข้ารอบไปวิ่งได้ก็ดีใจแล้ว” บิว ทิ้งท้าย

UFABETWIN

UFABETWIN “อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น” : นักฮอกกี้น้ำแข็งใน NHL ที่ประกาศสนับสนุน “ปูติน” ออกสื่อ

ท่ามกลางสงครามระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน หรือที่หลายคนอาจนิยามว่า “การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย” บุคคลที่ถูกประณามมากที่สุดในโลกคือ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำเบ็ดเสร็จของมหาอำนาจแดนหมีขาว ซึ่งรับผิดชอบความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออกขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อต้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีรัสเซีย เพราะนักกีฬาบางคนเลือกจะปฏิเสธที่จะพูดถึงการกระทำอันละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้คนนับล้านในยูเครน เนื่องจากจุดยืนที่สร้างความแคลงใจต่อคนทั้งโลก

อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของวงการฮอกกี้น้ำแข็ง เขาคือคนหนึ่งที่เคยสนับสนุนปูตินอย่างออกนอกหน้า และไม่เคยกลับมาต่อว่าปูตินจนถึงทุกวันนี้ เขาสนับสนุนแนวคิดอะไรในตัวผู้นำของประเทศ? และหาทางออกอย่างไรกับจุดยืนของตนในวันที่ไฟสงครามปะทุ?

ผู้เล่นระดับตำนานแห่งวงการฮอกกี้น้ำแข็ง

หากจะหาคำกล่าวสั้นๆ เพื่ออธิบายถึง อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น “ผู้เล่นที่จบสกอร์ได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์” น่าจะเป็นการพูดถึงตัวตนของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งชาวรัสเซียคนนี้ได้ดีเยี่ยม เจ้าของฉายา หมายเลขแปดผู้ยิ่งใหญ่, ตำแหน่งดราฟต์อันดับหนึ่งเมื่อฤดูกาล 2004 และกัปตันทีม วอชิงตัน แคปิตอลส์ จึงถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ ในปัจจุบัน

เขาเริ่มต้นอาชีพนักกีฬาเมื่อปี 2001 โอเวชกิ้น ประเดิมเส้นทางบนเวทีฮอกกี้นำแข็งกับทีม ดินาโม มอสโก ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 16 ปี เขาใช้เวลา 3 ปีเพื่อสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในหมู่แมวมองของเหล่าแฟรนไชส์ใน โดย โอเวชกิ้น ยิงไป 36 ประตู และทำ 32 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 152 เกมที่ประเทศรัสเซีย

เมื่อเขาเดินทางสู่สหรัฐอเมริกา โอเวชกิ้น ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้เล่นดราฟต์อันดับหนึ่งของปี 2004 เนื่องจากฟอร์มที่โดดเด่นต่อเนื่องกันมาถึง 2 ปี, ความสามารถในสนามที่รอบด้าน, มีทักษะในการจบสกอร์ที่เข้าขั้นอัจฉริยะ และยังกล้าจะเข้าปะทะกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามแบบรุนแรง สมกับเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนจากประเทศรัสเซีย

“ผมคิดว่าการปรับตัวจากลีกยุโรปสู่ ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรสำหรับผม เพราะผมเคยเล่นในอเมริกาเหนือมาแล้วเมื่อปีก่อน และเราก็คว้าแชมป์เวิลด์จูเนียร์มาครองได้ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา และผมมีความฝันจะเล่นในเสมอ ฮอกกี้น้ำแข็งที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ และผมพร้อมแล้วที่จะลงเล่นในทันทีที่ผมถูกดราฟต์เข้าสู่ทีม”

เมื่อการดราฟต์มาถึง โอเวชกิ้น เป็นผู้เล่นที่ถูกเลือกคนแรกในปี 2004 โดย วอชิงตัน แคปิตอลส์ และตัวเขายังคงเล่นให้กับทีมดังจากเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ โดยเจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมฤดูกาลแรกในปี 2005-06 จัดการยิงไป 52 ประตู และจ่ายอีก 54 แอสซิสต์ ไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่คนไหนทำผลงานได้ดีไปกว่าเขา โอเวชกิ้น จึงคว้าตำแหน่งรุกกี้แห่งไปไปครองโดยปราศจากคู่แข่ง

โอเวชกิ้น ระเบิดฟอร์มจนเป็นดาวซัลโวลีกครั้งแรกในฤดูกาล 2007–08 ด้วยการยิงไป 65 ประตู พร้อมกับพาวอชิงตัน แคปิตอลส์ เข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีม ซึ่งความสำเร็จในฐานะดาวซัลโวของลีกตรงนี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของยอดผู้เล่นชาวรัสเซีย

 

UFABETWIN

 

เพราะหลังจากคว้ารางวัลนี้มาครองเป็นครั้งแรกในปี 2007 โอเวชกิ้น ก็ครองตำแหน่งดาวซัลโวของ อีก 8 ครั้ง ในปี 2009, 2013, 2014, 2015, 2016, 2018, 2019 และ 2020 เท่ากับว่า 9 ฤดูกาลที่ผ่านมา โอเวชกิ้น เป็นดาวยิงสูงสุดของลีกถึง 7 ครั้ง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการฮอกกี้น้ำแข็ง

“ความจริงคือเรากำลังเฝ้ามองหนึ่งในผู้เล่นที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ถึงแม้ว่าใครหลายคนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพนี้ชัดเจนนัก” เควิน อัลเลน นักข่าวของ เขียนถึงความยอดเยี่ยมของโอเวชกิ้นไว้ตั้งแต่ปี 2015

หลังจากจบฤดูกาล 2020–21 โอเวชกิ้นทำผลงานยิง 730 ประตู จาก 16 ฤดูกาล กลายเป็นหนึ่งใน 8 ผู้เล่นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของ NHL ที่สามารถยิงประตูเกิน 700 ลูก และยังเป็นผู้เล่นที่คว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดมากที่สุดด้วยจำนวน 9 ครั้ง จนได้รับการคาดการณ์ว่าเขามีโอกาสจะทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาล 894 ประตูของ เวย์น เกรสกี้ ตำนานนักฮอกกี้น้ำแข็งอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

สหายปูตินกับการวางตัวเป็นกลางต่อความขัดแย้ง

แม้จะเล่นกีฬาบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกามายาวนานกว่า 15 ปี แต่ โอเวชกิ้น ยังคงถูกจดจำจากสายตาคนทั่วไปในฐานะชาวรัสเซียเต็มขั้น โดยในปี 2011 เขาเคยรับบทบาทในโฆษณาของ เป็นสายลับจากประเทศรัสเซียที่เข้ามาแฝงตัวในสหรัฐอเมริกาภายใต้บทบาทของนักฮอกกี้น้ำแข็ง

แน่นอนว่า โอเวชกิ้น ไม่ใช่สายลับและเขาก็เป็นนักกีฬาตัวจริงเสียงจริง แต่ถึงอย่างนั้น โอเวชกิ้น ก็มีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยกับรัฐบาลรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของประเทศ ซึ่ง โอเวชกิ้น ให้การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้ามาตั้งแต่ปี 2017

เขาถือเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เรียกว่า ซึ่งทำหน้าที่คอยช่วยสนับสนุนปูติน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อปี 2018 โดยการประกาศสนับสนุนผู้นำที่หลายคนมองว่าเป็นเผด็จการไม่ได้สร้างความแปลกใจต่อผู้คนในรัสเซีย เพราะปูตินเคยปรากฏตัวในงานแต่งงานของโอเวชกิ้นเมื่อปี 2016 เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความสนิทสนมกันมากเพียงใด

เมื่อบวกกับความจริงที่การเคลื่อนไหวของถูกตั้งข้อสังเกตว่าได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจากรัฐบาลรัสเซีย ยิ่งแสดงให้เห็นว่า โอเวชกิ้น ไม่ได้สนิทกับปูตินแค่ในฐานะเพื่อน แต่ทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันในระดับที่อาจมีผลประโยชน์บางอย่างร่วมกันอยู่

 

UFABETWIN

 

ทุกครั้งที่ โอเวชกิ้น ถูกถามถึงความสัมพันธ์ของเขากับปูติน ซึ่งมีโอกาสจะส่อถึงนัยยะแอบแฝงทางการเมือง เขาสามารถหาคำตอบที่ดีให้แก่ผู้สื่อข่าวได้ทุกครั้ง โดย โอเวชกิ้น มักบอกว่าตัวเขาไม่ได้สนับสนุนปูตินเป็นการส่วนตัว แต่เลือกจะสนับสนุนสิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศชาติในฐานะชาวรัสเซียคนหนึ่ง

“ผมแค่จะสนับสนุนประเทศของผม คุณรู้ใช่ไหม? เพราะที่นั่นคือบ้านเกิดของผม ทั้งพ่อแม่และเพื่อนทั้งหมดของผมอาศัยอยู่ที่นั่น และก็เหมือนกับมนุษย์ทุกคนจากทุกประเทศทั่วโลก พวกเราสนับสนุนประธานาธิบดีของตนเอง” โอเวชกิ้น กล่าว หลังถูกตั้งคำถามถึงเหตุผลแท้จริงที่เขาสนับสนุน วลาดิเมียร์ ปูติน

“มันเป็นแค่สิ่งที่ผมคิดและผมสนับสนุน มันไม่เกี่ยวกับการเมืองหรืออะไรแบบนั้นแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะนี่เป็นแค่มุมมองของผม ความรู้สึกของผม”

การเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนปูตินอย่างออกนอกหน้าของ โอเวชกิ้น ย่อมสร้างความไม่พอใจนักแก่ชาวอเมริกัน เพราะรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบันตั้งตนเป็นศัตรูกับสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน โอเวชกิ้น จึงถูกตั้งคำถามถึงการวางตัวของเขาว่ามีแนวคิดเกลียดชังสหรัฐอเมริกาหรือไม่?

นั่นคือเหตุผลที่สุดยอดนักฮอกกี้น้ำแข็งปฏิเสธการโยงการสนับสนุนปูตินเข้ากับเรื่องการเมือง และมักจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร แม้รัสเซียและสหรัฐอเมริกาจะมีข้อพิพาทกันอยู่ตลอดเวลา โอเวชกิ้น ถึงกับเปิดเผยว่าตัวเขาไม่ได้สนิทกับปูตินแบบที่ใครคิด และจะพูดคุยกันเฉพาะเรื่องฮอกกี้น้ำแข็งเท่านั้น

“ผมไม่ใช่พวกหัวการเมืองนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง ผมรู้แค่ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียด แต่มันก็เป็นอย่างนั้นมาเสมอ คุณก็รู้ดีนะว่าผมเล่นกีฬาที่สหรัฐอเมริกา ที่นี่คือบ้านหลังที่สองของผม และผมไม่อยากเห็นทั้งสองประเทศต่อสู้กัน ไม่อย่างนั้นเรื่องวุ่นครั้งใหญ่จะตามมาแน่นอน” โอเวชกิ้น ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของเขาเรื่องรัสเซียและอเมริกา

การแสดงจุดยืนของ โอเวชกิ้น ต่อความขัดแย้งระหว่างประเทศกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เมื่อกองทัพรัสเซียของปูตินเข้าไปรุกรานประเทศยูเครน ซึ่ง โอเวชกิ้น ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประกาศชัดเจนว่าตัวเขาไม่สนับสนุนสงครามที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นกลับปฏิเสธที่จะกล่าวประณามบ้านเกิด และไม่พูดถึงชายเพียงคนเดียวที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้อย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน

“ได้โปรดอย่าสร้างสงครามอีกเลย ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้บ้าง รัสเซีย, ยูเครน หรือประเทศอื่นๆ ผมคิดว่าเราอาศัยอยู่ในโลกที่เราต้องใช้ชีวิตด้วยสันติสุข” โอเวชกิ้น เรียกร้องให้สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยุติลง

นี่เป็นอีกครั้งที่ โอเวชกิ้น สามารถหาทางออกเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ เขาปฏิเสธจะเข้าข้างทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครน และเลือกแสดงความต้องการที่จะเห็นข้อยุติของสงคราม ซึ่งในขณะเดียวกัน โอเวชกิ้น ก็ไม่ได้หันหลังให้บ้านเกิด และเราจะไม่มีวันเห็นเขาออกมาประณามรัสเซีย รวมถึงปูตินอย่างแน่นอน

โอเวชกิ้น ไม่ได้ไม่สนใจการเมืองอย่างที่เขากล่าวอ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดเขามีความเข้าใจพอจะวางตัวต่อสาธารณชนอย่างไรที่จะทำให้ไม่ถูกคนทั่วโลกประณามว่าเข้าข้างปูติน โดยยังสามารถเป็นแสดงตัวตนในฐานะบุคคลที่มีหัวใจเป็นชาวรัสเซียได้อย่างเต็มภาคภูมิ

นี่คือเรื่องราวที่แสดงให้เห็นว่า เหตุใดนักกีฬารัสเซียคนหนึ่งจึงปฏิเสธที่จะประณามประเทศ และทำได้ดีที่สุดเพียงเรียกร้องให้ยุติสงครามโดยไม่อ้างชื่อฝ่ายใด เพราะการเป็นกลางอย่างไม่เป็นกลางนี้คือทางออกเดียวของ อเล็กซานเดอร์ โอเวชกิ้น ที่จะทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของผลประโยชน์ที่บ้านเกิดอาจครอบครองไว้ในกำมือได้ แม้จะผ่านวิธีการอันไม่เป็นที่ยอมรับต่อชาวโลกก็ตาม

UFABETWIN